วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

พายุทอร์นาโด


พายุทอร์นาโด

Tornado พายุทอร์นาโด คือ พายุลมหมุนเป็นงวงยืนลงมาจากกลุ่มเมฆที่เรียกว่า Cumulonimbus สู่พื้น โดยส่วนที่สัมผัสพื้นจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางค่อนข้างแคบ และเล็กแต่มีความเร็วลม และพลังทำลายสูงมาก โดยทั่วไปทอร์นาโดมักเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และช่วงต้นของฤดูร้อน และเกิดขึ้นบ่อยมากที่สุดในบริเวณที่เรียกว่า ช่องทางทอร์นาโด(Tornado alley)

พายุทอร์นาโดเกิดจาก

ในบทความนี้ขอกล่าวถึงการเกิดพายุทอร์นาโด ในเคสที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดคือ พายุทอร์นาโดที่พัฒนามาจากพายุสายฟ้า(Thunderstorms) หรือบางครั้งเรียกว่า ซูปเปอร์เซลล์(Supercells)
  • บริเวณที่เกิดซุปเปอร์เซลล์มักจะเกิดฝนฟ้าคะนอง ทำให้เกิดฝนตกในบริเวณนั้น ฝนจะทำให้อากาศบริเวณนั้นเย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว
  • อากาศที่เย็นจะน้ำหนักกว่าอากาศที่ร้อนบริเวณรอบๆข้าง
  • อากาศเย็น(บริเวณใต้ซุปเปอร์เซลล์)ที่หนักจะตกลงสู่เบื้องล่าง
  • อากาศร้อนชื้น(บริเวณรอบๆซุปเปอร์เซลล์)จะลอยตัวขึ้น พร้อมกับนำความชื้นซึ่งเป็นแหล่งพลังงาน ไปเติมให้แต่พายุ
  • อากาศที่ร้อนเมื่อลอยตัวสูงขึ้นจะเริ่มเย็นตัวลงเรื่อยๆพอถึงจุดหนึ่ง จะทิ้งตัวลงเบื้องล่าง
  • ความชื้นที่ถูกพาขึ้นไปโดยอากาศร้อน เมื่อสัมผัสกับอากาศเย็น จะเริ่มกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ตกมาเป็นฝน
  • ในระหว่างขบวนการกลั่นตัว ขบวนการนี้ได้ปลดจะปลดปล่อยความร้อนแฝงเข้าสู่ระบบอากาศเบื้องบน ทำให้มวลอากาศขนาดใหญ่ด้านบนเกิดการยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และรุนแรง ประกอบกับอากาศบริเวณใต้ซุปเปอร์เซลล์ และรอบๆ ก็หมุนวนเข้ามาเติมอย่างต่อเนื่อง เป็นการเติมพลังงานให้แก่ระบบอย่างต่อเนื่อง
  • เนื่องจากอากาศร้อนจะยกตัวได้รุนแรง และเร็วกว่า อากาศเย็นที่ตกลงมา อากาศที่ถูกเติมเข้ามากขึ้นมากขึ้น เรื่อยๆ ก่อให้เกิดความปั่นป่วนในฐานของซุปเปอร์เซลล์ เนื่องจากความไม่สมดุลของระบบ
  • เมื่อพลังงาน ความชื้น และอากาศ ถูกเติมเข้าระบบจนสุกงอม มวลอากาศหมุนรุนแรงจะถูกดึงเป็นงวงลงสู่เบื้องล่าง เมื่องวงนั้นสัมผัสพื้น จึงก่อให้เกิด พายุทอร์นาโด
พายุทอร์นาโด ครั้งเลวร้ายที่สุดในโลก(จัดอันดับจากยอดผู้เสียชีวิต)


Daulatpur-Saturia , Bangladesh Tornado เป็นพายุทอร์นาโดที่เกิดขึ้นในเขต Manikganj ของประเทศบังคลาเทศ ในวันที่ 26 เมษายน 1989 คาดว่า มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 1,300 คน พายุลูกนี้มีความรุนแรงในระดับ F5 ในอาณาบริเวณ 6 ตารางกิโลเมตรที่พายุพัดผ่าน ต้นไม้เกือบทั้งหมดถูกถอนรากถอนโคนขึ้นมา บ้านเรือนเกือบทั้งหมดทั้งหมดราบเป็นหน้ากลอง

พายุทอร์นาโด ที่มี ความเร็วมากที่สุดในโลก

เป็นทอร์นาโด ระดับ F5 ที่เคลื่ยนตัวเข้าสู่เมือง Oklahoma เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 1999 วัดความเร็วในภายในพายุที่ระดับความสูงจากพื้น 100 เมตร ได้ความเร็วลม 484 บวกลบ 32 กิโลเมตร/ชั่วโมง

พายุทอร์นาโด ที่มี ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ที่สุดในโลก

เป็นพายุทอร์นาโดที่เกิดขึ้นระหว่าง Wilber-Hallam กับ Nebraska เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2004 มีความกว้างของฐานพายุอยู่ที่ 4 กิโลเมตร

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

10 อันรถแพงที่สุดในโลก ปี 2011-2012




10 อันรถแพงที่สุดในโลก ปี 2011-2012



อันดับที่ 10 GT Porsche Carrera



มีมูลค่า $400,000 มีความเร็วสูงสุด 205 ไมล์ต่อชั่วโมง มันสามารถทำความเร็วได้ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 3.9 วินาที

อันดับที่ 9 Mercedez Benz SLK McLaren Roadster



มีมูลค่า $495,000 มีความเร็วสูงสุด 206 ไมล์ต่อชั่วโมง มันสามารถทำความเร็วได้ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 3.8 วินาที

อันดับที่ 8 Koenigsegg CCX



มีมูลค่า $545,568 มีความเร็วสูงสุด 245 ไมล์ต่อชั่วโมง เป็นรถสัญชาติสวีเดน ปัจจุบันเป็นรถที่มีความเร็วที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 4

อันดับที่ 7 Saleen S7 Twin Turbo



มีมูลค่า $555,000 มีความเร็วสูงสุด 248 ไมล์ต่อชั่วโมง มันสามารถทำความเร็วได้ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 3.2 วินาที

อันดับที่ 6 SSC Ultimate Aero



มี มูลค่า $654,400 มีความเร็วสูงสุด 257 ไมล์ต่อชั่วโมง มันสามารถทำความเร็วได้ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 2.7 วินาที และเป็นรถที่เร็วที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 2 ของโลก

อันดับที่ 5 Pagani Zonda C12 F



มี มูลค่า $667,321 มีความเร็วสูงสุด 215 ไมล์ต่อชั่วโมง มันสามารถทำความเร็วได้ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 3.5 วินาที และเป็นรถที่เร็วที่สุดในโลกอับดับที่ 5 ของโลก

อันดับที่ 4 Enzo Ferrari



มีมูลค่า $670,000 มีความเร็วสูงสุด 217 ไมล์ต่อชั่วโมง มันสามารถทำความเร็วได้ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 3.4 วินาที

อันดับที่ 3 McLaren F1



มีมูลค่า $970,000 มีความเร็วสูงสุด 240 ไมล์ต่อชั่วโมง มันสามารถทำความเร็วได้ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 3.2 วินาที

อันดับที่ 2 Lamborghini Reventon



มีมูลค่า $1,600,000 มีความเร็วสูงสุด 211 ไมล์ต่อชั่วโมง รถรุ่นนี้มีเพียง 20 คันในโลกเท่านั้น

อันดับที่ 1 Bugatti Veyron



มีมูลค่า $1,700,000 มีความเร็วสูงสุด 267 มันถูกออกแบบและพัฒนาโดยกลุ่มโฟล์คสวาเก้นเยอรมัน

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สุขมหัศจรรย์ สวรรค์บน เรือยอชท์ Tropical Island Paradise


สุขมหัศจรรย์ สวรรค์บน

เรือยอชท์ Tropical Island Paradise

ก็เพราะว่าการผจญภัยสู่ทะเลลึกบน เรือยอชท์ หรูหราทั่วๆ ไป มันธรรมดาแล้วน่ะสิ Yacht Island Designsจึงภูมิใจนำเสนอสุดยอด เรือยอชท์ Tropical Island Paradise อภิมหาหรูหรา มีระดับ ด้วยแนวคิด “สุขมหัศจรรย์ สวรรค์กลางสมุทร”
รือยอชท์ Tropical Island Paradise (ทรอปิคอล ไอส์แลนด์ พาราไดซ์) ขนาดมหึมามีความยาว 90 เมตร โครงสร้างทำด้วยเหล็ก ประกอบด้วยห้องพักอันหรูหรา 5 ห้อง ล้อมรอบริมสระน้ำ ห้องสูทสำหรับแขกวีไอพี 4 ห้อง สร้างไว้ภายในปล่องภูเขาไฟ ซึ่งออกแบบให้มีน้ำไหลผ่านตรงกลางปล่อง ให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำกันถึงห้องนอน และทอดยาวมาถึงสระน้ำด้านล่าง
ใครอยากชิลล์กว่านั้น เรือยอชท์ Tropical Island Paradise มีบริการโป๊ะกลมเล็กๆ ยื่นลงไปในมหาสมุทร ให้กระโดด ดำผุด ดำว่ายกลางทะเลลึก และแน่นอนว่าต่อให้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแค่ไหน มนุษย์ก็จะขาดไม่ได้ซึ่งเทคโนโลยี เพราะที่นี่มีทุกอย่างพร้อม โรงยิมก็มี ซาวน่าก็มา ห้องสมุด โรงหนัง ครบ!! (ขาดอย่างเดียวเงินในกระเป๋า -__-)
เรือยอชท์ Tropical Island Paradise
…………………………………………….

10 อันดับ เรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลก


    10 อันดับ เรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลก

10. Celebrity Xpedition 
Celebrity Xpedition 
     หนัก 2,392 ตัน จุ 92 คน ล่องไปยังเกาะ Galapagos (กาลาปากอส) ลำเล็กที่สุดในบรรดา 10 อันดับสุดยอดเรือสำราญระดับโลก หากแต่เจ้าลำนี้กลับเพรียบพร้อมไปด้วย การบริการที่ดีเยี่ยมพร้อมๆกับการผจญภัยในป่าที่แสนสนุก บนเรือประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่และผู้เชียวชาญที่คอยอธิบายถึงธรรมชาติรอบๆ เกาะ สัตว์ป่า ดูนก ภูเขาไฟ มีสอนการดำน้ำและอีกหลายๆ กิจกรรม
9.Seven Seas Voyagers 
Seven Seas Voyagers 
     หนัก 41,827 ตัน จุ 752 คน จุดเด่นของเรือสำราญลำนี้คือ ทุกๆห้องเป็นห้องสูทและสามารถมองเห็นวิวได้จากห้องทุกห้อง ซึ่งเรียกว่าแทบไม่มีเรือสำราญของบริษัทใดๆกล้าที่จะทำแบบนี้ ยังมีหมัดเด็ดที่ว่าร้านๆหนึ่งบนเรือนี้พ่อครัวต้องเป็น Chef จากสำนัก Cordon Bleu ทุกคน 
8. Crystal Symphony 
Crystal Symphony 
     หนัก 51,044 ตัน จุ 844 คน เรือลำนี้มีความพิเศษอยู่ที่การบริการในระดับดีเยี่ยม เรียกว่าถ้าแขกขอมา ไม่มีการปฏิเสธ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารอิตาเลียนและร้านอาหารจีนชื่อดังอยู่บนเรือ 
7. Ocean Village 
Ocean Village 
     หนัก 63,542 ตัน จุ 1,624 คน ล่องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในฤดูร้อนและคาร์ริเบียนในฤดูหนาว เรือสำราญลำนี้ชนะใจหนุ่มสาว หรือยจะเป็น young @heart ด้วยความที่เป็นเรือสำราญที่มีกิจกรรมให้ทำมากมากแล้วยังสนนราคาไม่แพงอีก ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขี่จักรยานเสือภูเขา พายเรือ Kayak ไนท์คลับ บาร์ เรียกว่าคุ้มราคาสำหรับบริการระดับ 4 ดาว
6. QE2 
QE2 
     หนัก 70,327 ตัน จุ 1,728 คน ถ้าพูดถึงเรือสำราญแล้ว ลำที่เด่นดังที่สุดและเรียกว่าเป็นการสร้างคำจำกัดความทุกๆอย่างของการเดิน เรือลำราญคงหนีไม่พ้น ควีนอลิซาเบธ 2 หรือ QE2 ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรือสำราญรุ่นแม่สำหรับท้องทะเลแล้วก็ตาม QE2 ก็ยังเดินทางไปรอบโลกและอวดเสน่ห์ของมัน
5. Superstar Virgo 
Superstar Virgo  
     หนัก 75,338 ตัน จุ 1,974 คน น่าจะคุ้นหูคนไทยมากที่สุดแล้วเนื่องจากเจ้าลำนี้โต๊เต๊อยู่แถบเอเชียนี่เอง ความน่ารักของมันก็คือ เรือสำราญลำนี้ตกแต่งประดับประดาด้วยสไตล์เอเชีย รวมทั้งมีร้านอาหารของประเทศในแถบเอเชียอย่างครบครัน
4.Voyager of the Seas 
Voyager of the Seas
     หนัก 137,250 ตัน จุ 3,114 คน ท่องเที่ยวแถบคาริเบียน แคนาดา นิวอิงแลนด์ ดูจากน้ำหนักแล้วน่าจะเดาได้ว่าคงใหญ่มากๆ เปิดตัวเมื่อปี 1999 ในฐานะเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรียกว่าแทบจะเอาเมืองทั้งเมืองไปตั้งอยู่ในเรือได้เลย ไม่ว่าจะเป็นลานสเก็ตน้ำแข็ง กำแพงปีนเขา สนามโรลเลอร์เบลด และอีกหลายๆอย่าง ดูๆไปเรือลำนี้ก็เหมาะสำหรับการไปพักผ่อนแบบครอบครัวนะเนี่ย 
3. SeaDream II  
SeaDream II      
     หนัก 4,333 ตัน จุ 108 คน ล่องในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คาริเบียน เจ้าเรือลำนี้บอกกับทุกคนว่า “It’s yachting, not cruising” เป็นความพยายามในการฉีกแนวการล่องเรือสำราญให้ต่างจากลำอื่นๆ ประมาณว่ามากับเรือลำนี้ เหมือนกับเดินทางด้วยเรือยอช์ทส่วนตัว อืม เข้าท่าจริงๆด้วยแฮะ 
2.Silver Wind 
Silver Wind 
     หนัก 16,927 ตัน จุ 296 คน แม้จะไม่ใช่ลำใหญ่สุดในตระกูล Silverseas Cruises แต่ว่าเจ้า Silver wind ก็สร้างความอลังการ หรูหราได้ไม่แพ้พี่น้องของมันเลย ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสไตล์เมดเตอร์เรเนียน หรือว่าเครื่องสุขภัณฑ์ของ Bvlgari ในห้องสวีททุกห้อง และเส้นทางการเดินเรือในอเมริกาใต้ที่เรือสำราญขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าไปถึง
1. Arcadia 
Arcadia 
     หนัก 82,505 ตัน จุ 1996 คน ลำนี้ล่องไปรอบโลก เป็นบริษัทเรือสำราญน้องใหม่มาแรงของวงการ ความพิเศษอยู่ที่บนเรือมีบาร์ทั้งหมด 14 บาร์และร้านอาหารของทีวีเชฟชื่อดัง Gary Rhodes และที่สำคัญสุดๆก็คือ โปรแกรม New Horizons Activities ที่ให้คุณสามารถเรียนการรำ Tai Chi, ออกแบบภายใน, การสอนทำอาหาร และอีกหลายๆโปรแกรม บอกแล้วว่าเริ่ดมากๆ

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

"น้ำทะเล"กลืนกิน แผ่นดินไทยหายสาบสูญ!


"น้ำทะเล"กลืนกิน แผ่นดินไทยหายสาบสูญ!


วิภาวี จุฬามณี รายงาน ภาพบางส่วนจาก : khunsamut.com

มีข่าวคราวเป็นระยะๆ จากนักวิชาการหลายท่านที่ออกมาเตือนว่า "ภาวะโลกร้อน" อาจทำให้พื้นที่ชายฝั่งเกือบทั้งประเทศไทย เผชิญกับปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะ 

โดยเฉพาะพื้นที่อ่าวไทยตอนบนอย่าง "กรุงเทพมหานคร" นั้นมีความเสี่ยงสูง ถึงขนาดเกรงกันว่า 

วันหนึ่งน้ำจะท่วมทั้งกรุงเทพฯ และกรุง เทพฯ จะจมอยู่ใต้บาดาล

สิ่งที่เราหลายคนตื่นตระหนกนี้จะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด? 

รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา หัวหน้าหน่วยศึกษาพิบัติภัยและข้อสนเทศเชิงพื้นที่ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ติดตามศึกษาเรื่องนี้มานานกว่า 20 ปี นำผลการศึกษาที่ได้มาเผยแพร่ให้ความรู้ พร้อมๆ กับเตือนสังคมไทยในเวทีเสวนา "จับตาประเทศไทยกับวิกฤตการณ์ภัยน้ำทะเลหนุนเพิ่มสูง" ซึ่งจัดขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา

รศ.ดร.ธนวัฒน์ เริ่มต้นการเสวนาว่า การศึกษาการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเลสัมพัทธ์ของอ่าวไทยตอนบน โดยการตรวจวัดระดับน้ำเฉลี่ยรายปีอย่างละเอียดนั้น แสดงให้เห็นว่า

เกิดความเปลี่ยน แปลงของ "ระดับน้ำทะเล" สูงขึ้นทุกขณะ 

จากการศึกษาพบว่า ระดับน้ำทะเลของไทยสูงขึ้น 4.1 มิลลิ เมตรต่อปี 

ในขณะที่รายงานของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ หรือ "ไอพีซีซี" เมื่อปี 2550 ระบุว่า 

ระดับน้ำทะเลของโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็น 3 มิลลิเมตรต่อปี สูงกว่าเมื่อ 150 ปีก่อน ซึ่งสูงขึ้นปีละ 1.2-1.8 มิลลิเมตร

1.พระในวัดขุนสมุทรจีนต้องเอาตุ่มน้ำมายกสูงทำเป็นทางเดินเวลาน้ำทะเลหนุน
2.-3.ชาวบ้านขุนสมุทรจีน แสดงหลักฐานชายฝั่งที่ถูกน้ำกัดเซาะ
4.รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล


การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลสัมพัทธ์นี้ ทำให้การเกิดการกัดเซาะชายฝั่งอย่างร้ายแรง 

โดยในระยะ 30 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ชายฝั่งของอ่าวไทยตอนบน ตั้งแต่ปากแม่น้ำบางปะกง ถึงจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีความยาวกว่า 120 กิโลเมตร มีถึง 82 กิโลเมตร ที่ถูกกัดเซาะอย่างหนัก มีพื้นดินหายไปแล้วถึง 18,000 ไร่ 

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลสัมพัทธ์ ยังมีผลต่อการคงอยู่ของ "หาดโคลน" ซึ่งเป็นแหล่งห่วงโซ่อาหารของระบบนิเวศบกและทะเล รวมถึงเป็นแหล่งทำมาหากินของชาวประมงพื้นบ้านด้วยเช่นกัน โดยย้อนกลับไป 40 ปีที่แล้ว เมื่อระดับน้ำทะเลลดลงต่ำสุด หาดโคลนที่ "บางปู" จะโผล่ขึ้นมาประมาณ 5 กิโลเมตร แต่จากการตรวจวัดเมื่อปีที่ผ่านมาพบว่า บริเวณเดียวกันนี้ มีหาดโคลนเหลืออยู่เพียง 1 กิโลเมตร หดสั้นไปถึง 4 กิโลเมตร 

ส่วนที่ "ขุนสมุทรจีน" จ.สมุทรปราการ ซึ่งเคยมีหาดโคลนอยู่ 2.5 กิโลเมตร ปัจจุบันเหลืออยู่แค่ประมาณ 1.1 กิโลเมตร

และที่ "มหาชัย" ซึ่งในอดีตเคยมีหาดโคลนอยู่ 2 กิโลเมตร ปัจจุบันเหลือเพียง 250 เมตรเท่านั้น รวมทั้งหมดแล้ว ปัจจุบันเราสูญเสียหาดโคลนไปแล้วถึง 180,000 ไร่

รศ.ดร.ธนวัฒน์ ยังเปิดเผยข้อมูลว่า การศึกษาผลกระทบการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลสัมพัทธ์ในอนาคตพบว่า 

พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมีอัตราการกัดเซาะเพิ่มขึ้นเป็น 65 เมตรต่อปี 

หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โดยไม่มีมาตรการใดๆ มาป้องกัน อีก 10 ปีข้างหน้า แผ่นดินจะหายไป 1.3 กิโลเมตร อีก 50 ปีข้างหน้า จะหายไป 2.3 กิโลเมตร และภายใน 100 ปี แผ่นดินมีโอกาสหายไปถึง 8 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระดับน้ำทะเลสัมพัทธ์เพิ่มสูงขึ้น มีด้วยกัน 3 อย่าง คือ 

1.ปัญหาแผ่นดินทรุด 

2.การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล 

และ 3.การลดลงของตะกอนชายฝั่ง อันเกิดมาจากการสร้างเขื่อนบริเวณต้นน้ำ

"ในอดีตแผ่นดินของกรุงเทพฯ มีอัตราการทรุดมากกว่า 10 เซนติเมตรต่อปี แต่หลังจากมีการควบคุมน้ำบาดาลแล้ว อัตราการทรุดลดลง เหลือประมาณ 1-3 เซนติเมตรต่อปี แต่ข้อเสีย คือจุดศูนย์กลางของการทรุดตัวย้ายไปอยู่ใกล้ชายฝั่ง ซึ่งจะยิ่งทำให้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งยิ่งรุนแรงมากขึ้น" รศ.ดร.ธนวัฒน์ แสดงความกังวล แล้วอธิบายต่อว่า การสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำสำคัญ 4 สาย ก่อนไหลลงสู่ทะเล ได้แก่ แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีน ทำให้ตะกอนดินจากแม่น้ำต้นสายไม่สามารถไหลลงสู่ชายฝั่งได้ เพราะถูกเขื่อนเหล่านี้ขวางกั้นไว้

"เราติดตามสถานีวัดระดับน้ำที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่า หลังจากมีการสร้างเขื่อนเจ้าพระยา ในปี 2500 เขื่อนภูมิพล ปี 2507 เขื่อนสิริกิติ์ ปี 2514 ระดับน้ำที่ผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา ลดลงอย่างเห็นได้ชัด การลดลงนี้จะส่งผลให้มี ตะกอนมาสู่ชายฝั่งน้อยลง ทำให้เกิดการท่วมของระดับน้ำทะเลได้ในอนาคต"

อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา จุฬาฯ ชี้ด้วยว่า การสร้าง "เขื่อน" ทำให้ตะกอนที่เคยไหลลงสู่อ่าวไทยในปริมาณ 25 ล้านตันต่อปี ลดลงเหลือเพียง 6.6 ล้านตันต่อปี คือหายไปถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจำนวนตะกอนที่หายไปนี้ มีผลทำให้น้ำทะเลท่วมสูงขึ้นได้อีกถึง 2.5-3.5 เมตรต่อปี

ที่ผ่านมา เราอาจเข้าใจว่า ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งมีที่มาจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลเป็นหลัก 

แต่รศ.ดร.ธนวัฒน์ บอกว่า จากการศึกษาพบว่า ระดับน้ำทะเลส่งผลกระทบเพียง 9.6 เปอร์เซ็นต์ อีก 8 เปอร์เซ็นต์ มีที่มาจากตะกอนชายฝั่งที่ลดลง แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุด และส่งผลกระทบถึง 82.5 เปอร์เซ็นต์ คือการทรุดตัวของพื้นดิน ซึ่งมีที่มาจากการขุดเจาะน้ำบาดาลเป็นหลัก

ทั้งนี้ 5 จังหวัด ที่มีอัตราการทรุดตัวของพื้นดินมากที่สุด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และกรุงเทพ มหานคร ผลจากการสูบน้ำบาดาลไปใช้เป็นจำนวนมาก มีผลให้พื้นดินทรุดตัวถึง 1-3 เซนติเมตรต่อปี ในขณะที่อัตราการทรุดตัวตามธรรมชาติโดยมากจะอยู่ที่ปีละ 0.5 มิลลิเมตรเท่านั้น

ส่วนอนาคตกรุงเทพฯ และแถบปริมณฑลจะจมทะเล กลายเป็นเมืองบาดาลหรือไม่ในวันข้างหน้านั้น รศ.ดร.ธนวัฒน์กล่าวว่า 

วิธีป้องกันต้องควบคุมทั้ง 3 ปัจจัยข้างต้นไปพร้อมๆ กัน 

หากหน่วยงาน หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องยังไม่ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยยังมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวและไม่พยายามปรับตัว หรือวางแผนรับมือ... 

เมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับปัญหาจริงๆ ก็อาจสายเกินไปเสียแล้ว